วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

ชีวิตวัยเด็ก

ชีวิตวัยเด็กถือว่ามีความสุขอยู่ในความทรงจำตลอด จึงอยากเล่าให้ฟัง ตอน 8-10 ขวบช่วงนั้นม่าม้า(คุณแม่ภาษาจีนครับ) พาไปว่ายน้ำที่สวางค์ พวกเราพี่น้องไปเกือบทุกอาทิตย์ โดยขึ้นรถสองแถวจากปากน้ำไปลงหน้าสวางค์ เดินเข้าไปเกือบ 2 กิโลเมตร ม่าม้าไม่เคยบ่นหลังจากว่ายน้ำเสร็จก็เดินออกประมาณ 2 กิโลเมตรเช่นกัน ทุกครั้งจะซื้อขนมปังกรอบเป็นกินด้วย กลับถึงตลาดประมาณเที่ยวกว่าๆ กินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านช้างทองในตลาด กินเส้นเล็กแห้งเสมอ จนติดนิสัยกินเส้นเล็กจนถึงทุกวันนี้ ช่วงนั้นเวลาไปโรงเรียนจะเอาปิ่นโตสแตนเลส 2 ชั้นไปกินด้วยเสมอ เงินที่เอาไปจะรัดหนังยางที่ซับในกระเป๋ากางเกงกันสตางค์หาย ม่าม้ายืนรอรถโรงเรียนทุกๆวันนี้ วันไหนที่เป็นวันซื้อหนังสือใหม่ ม่าม้าจะไปซื้อด้วยกันและแบกกลับบ้าน ชุดนักเรียนจะซื้อที่ร้านบัญญัติ และซื้อรองเท้าที่ร้านบาจา กันข้าวของม่าม้าอร่อยทีสุดเลย แต่ตอนนั้นไม่คิดอย่างนี้เพราะมีกินดีทุกมื้อ เวลาความสุขหมดแล้ว แต่ความทรงจำที่มีความสุขจะอยู่ตลอดไป

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ชีวิตที่เหลืออยู่กับความกลัวจนตาย

ปัจจุบันอายุ 41 ย่างเข้า 42 เท่ากับอายุ ช่อง 3 เลย เคยหวังไว้หลังจากทำงานที่บ้านซักพัก ก็อยากมีครอบครัว ชีวิตน่าจะสมบูรณ์ แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว เพราะเป็นต้อหิน มีโอกาส ตาบอดได้ตลอดเวลา ชีวิตดูแย่มากนะครับ โชคดีที่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีน้องสาวที่ดี ซึ่งดูแล้วเหมือนแม่ผมเลย การเรียนภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นต้องหยุดไว้ก่อน ที่จริงการเป็นต้อหินถ้าอยู่ในการดูแลของแพทย์ก็ปลอดภัย แต่ผมเป็นคนคิดมาก เลยเป็นทุกข์ อยากมีลูกแต่กลัวลูกพิการ กลัวทุกเรีือง กลัวการมีครองครัว กลัวเข้ากันไม่ได้ต้องหย่า กลัวความยากจน กลัวการเป็นหนี้ กลัวตาบอด ดังนั้นชีวิตที่เหลืออยู่กับความกลัวจนตาย